สุภาษิตสอนหญิง ๒๐ (จบ)
ขู่คำรนบ่นว่าด่าประชด ให้สามีอัปยศลงหดหัว
ลุอำนาจไม่อาจขยาดตัว มัดมือผัวผูกแขนแค่นเฆี่ยนตี
ทรมานภัสดาน่าสังเวช ดูเหมือนเปรตเวทนาน่าบัดสี
ยังมิหนำซ้ำป่าวเหล่านารี ที่ไม่มีภัสดาให้มาดู
ข้างฝ่ายผัวใจดีมิได้ว่า นิ่งให้เมียเฆี่ยนด่าน่าอดสู
ดูเหมือนแม่กับลูกผูกขึ้นชู มิได้สู้รบรับสัประยุทธ์
ช่างกระไรใจคอมันอดได้ ดูเหมือนไม่มีจิตผิดบุรุษ
จึงยอมตัวกลัวเมียจนหัวมุด น้อยมนุษย์ที่จะเป็นได้เช่นนั้น
เหมือนเช่นเราแล้วไม่ต้องให้ตีตบ คงสู้รบโต้เต็มให้เข้มขัน
จะถีบถองเสียให้ยับไล่ขับกัน ร้างหย่ามันเสียให้ค้างอยู่กลางคัน
สุภาษิตซึ่งประดิษฐ์มาไว้นี้ ล้วนแต่มีเยี่ยงอย่างดังเสกสรร
ใช่จะแกล้งแต่งคำมารำพัน คนทุกวันอย่างนี้มีอาเกียรณ์
จะร่ำไปสักเท่าไรก็ไม่หมด ขี้เกียจจดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยมือเขียน
อุตส่าห์ตรองตริตรึกนึกจำเนียร ตั้งความเพียรผูกข้อต่อเรื่องราว
พอเป็นเรื่องสำหรับดับทุกข์โทษ เป็นประโยชน์แก่สตรีที่สวยสาว
เป็นตำหรับแบบฉบับไปยืดยาว ในเรื่องราวสุภาษิตลิขิตความ
ข้อไหนชั่วแล้วอย่ามัวไปขืนทำ จงจดจำบุญบาปอย่าหยาบหยาม
เก็บประกอบเอาแต่ชอบในเรื่องความ ประพฤติตามห้ามใจเสียให้ดี
อย่าฟังเปล่าเอาแต่กลอนสุนทรเพราะ จงพิเคราะห์คำเลิศประเสริฐศรี
ไว้เป็นแบบสอนตนพ้นราคี กันบัดสีคำค่อนคนนินทา
ให้สุขีศรีเมืองเลื่องลือฟุ้ง หอมจรุงกลิ่นกลั้วทั่วทิศา
เป็นที่ชื่นเช่นอย่างนางสีดา ในใต้หล้าหมายประคองตัวน้องเอย
โดย สุนทรภู่